Mermaid Surfboard

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

แปลเนื้อเพลง When You’re Gone คำอ่านไทย Avril Lavigne



Uh-huh,
Life's like this
Uh-huh, uh-huh
That's the way it is
'Cause life's like this
Uh-huh, uh-huh
That's the way it is


อะฮ้า~~
ชีวิตก็งี้แหละ
อะฮ้า~~
มันเป็นอย่างนี้เสมอแหละ
เพราะชีวิตมันเป็นอย่างนี้
อะฮ้า~~
เป็นอย่างที่มันควรจะเป็น

Chill out,
What you yellin' for?
Lay back, it's all been done before
And if you could only let it be
You will see


ใจเย็นๆสิ
จะตะโกนเพื่อ???
ทำใจให้สบายๆ ทุกๆอย่างมันผ่านพ้นไปแล้ว
แล้วถ้าเธอยอมปล่อยให้มันผ่านไป
เธอจะเห็นเอง


I like you the way you are
When we're, driving in my car
And you're talking to me
One on one
But you become


ฉันชอบเธออย่างที่เธอเป็น
ชอบเวลาที่เราขับรถไปด้วยกัน
และเราก็พูดคุยกัน
สองต่อสอง
แต่อยู่ดีๆเธอก็


Somebody else
'Round everyone else
Watchin' your back
Like you can't relax
You're tryin' to be cool
You look like a fool
To me


กลายเป็นคนแปลกหน้า
เวลาที่อยู่กับคนอื่นๆ
ระแวงอะไรก็ไม่รู้
เหมือนว่าเธอต้องเก๊กตลอดเวลา
พยายามจะทำตัวเองให้ดูเท่
แต่มันดูเหมือนคนบ้ามากกว่านะสำหรับฉัน

Tell me

บอกฉันสิ


Why do you have to go and make things so complicated?
I see the way you're
Acting like you're somebody else gets me frustrated
Life's like this, you
And you fall and you crawl
And you break and you take
What you get and you turn it into
Honestly Promise me I'm never gonna find you fake it


ทำไมต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากด้วย?
เวลาที่ฉันเห็นเธอ
ทำตัวไม่เป็นตัวของตัวเองฉันล่ะหงุดหงิดมากเลยนะ
ขืนถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปนะ
เธอล้มลุกคลุกคลาน
เธอพังยับเยิน แล้วเธอก็รับเอาความรู้สึก
ที่เธอได้รับในตอนนั้น มาเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเหมือนคนที่ทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้น
สัญญากับฉันสิ ว่าจะไม่เสแสร้งให้ฉันเห็นอีก

No, no, no

ไม่นะ


You come over unannounced
Dressed up like you're something else
Where you are and
Where you sat, you see
You're making me
Laugh out
When you strike a pose
Take off all your preppy clothes
You know
You're not fooling anyone
When you become


เธอเปลี่ยนไป(come over = เปลี่ยนท่าที)แบบไร้สาเหตุ
แต่งตัวเหมือนอะไรก็ไม่รู้
ที่ที่เธอไป
ที่ที่เธอนั่ง ดูสิ
เธอทำให้ฉัน
ขำอะ
เวลาที่เธอโพสท่าก็ด้วย
เปลี่ยนเหอะ ชุดที่เธอใส่เนี่ย
รู้มะ
เธอหลอกใครไม่ได้หรอก
ตอนที่เธอทำตัวเป็นเหมือนกับ


Somebody else
'Round everyone else
Watchin' your back
Like you can't relax
You're tryin' to be cool
You look like a fool
To me


กลายเป็นคนแปลกหน้า
เวลาที่อยู่กับคนอื่นๆ
ระแวงอะไรก็ไม่รู้
เหมือนว่าเธอต้องเก๊กตลอดเวลา
พยายามจะทำตัวเองให้ดูเท่
แต่มันดูเหมือนคนบ้ามากกว่านะสำหรับฉัน

Tell me

บอกฉันสิ


Why do you have to go and make things so complicated?
I see the way you're
Acting like you're somebody else gets me frustrated
Life's like this, you
And you fall and you crawl
And you break and you take
What you get and you turn it into
Honestly Promise me I'm never gonna find you fake it


ทำไมต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากด้วย?
เวลาที่ฉันเห็นเธอ
ทำตัวไม่เป็นตัวของตัวเองฉันล่ะหงุดหงิดมากเลยนะ
ขืนถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปนะ
เธอล้มลุกคลุกคลาน
เธอพังยับเยิน แล้วเธอก็รับเอาความรู้สึก
ที่เธอได้รับในตอนนั้น มาเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเหมือนคนที่ทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้น
สัญญากับฉันสิ ว่าจะไม่เสแสร้งให้ฉันเห็นอีก


No, no, no...
Chill out,
What you yellin' for?
Lay back, it's all been done before
And if you could let it be
You will see


ใจเย็นๆสิ
จะตะโกนเพื่ออะไร???
ทำใจสบายๆ ทุกๆอย่างมันผ่านไปหมดแล้ว
แล้วถ้าเธอยอมปล่อยให้มันผ่านไป
เธอจะเห็นเอง


Somebody else
'Round everyone else
Watchin' your back
Like you can't relax
You're tryin' to be cool
You look like a fool
To me
กลายเป็นคนแปลกหน้า
เวลาที่อยู่กับคนอื่นๆ
ระแวงอะไรก็ไม่รู้
เหมือนว่าเธอต้องเก๊กตลอดเวลา
พยายามจะทำตัวเองให้ดูเท่
แต่มันดูเหมือนคนบ้ามากกว่านะสำหรับฉัน


Tell me


บอกฉันสิ


Why do you have to go and make things so complicated?
I see the way you're
Acting like you're somebody else gets me frustrated
Life's like this, you
And you fall and you crawl
And you break and you take
What you get and you turn it into
Honestly Promise me I'm never gonna find you fake it


ทำไมต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากด้วย?
เวลาที่ฉันเห็นเธอ
ทำตัวไม่เป็นตัวของตัวเองฉันล่ะหงุดหงิดมากเลยนะ
ขืนถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปนะ
เธอล้มลุกคลุกคลาน
เธอพังยับเยิน แล้วเธอก็รับเอาความรู้สึก
ที่เธอได้รับในตอนนั้น มาเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเหมือนคนที่ทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้น
สัญญากับฉันสิ ว่าจะไม่เสแสร้งให้ฉันเห็นอีก


No, no


Why do you have to go and make things so complicated?
I see the way you're
Acting like you're somebody else gets me frustrated
Life's like this, you
And you fall and you crawl
And you break and you take
What you get and you turn it into
Honestly Promise me I'm never gonna find you fake it


ทำไมต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากด้วย?
เวลาที่ฉันเห็นเธอ
ทำตัวไม่เป็นตัวของตัวเองฉันล่ะหงุดหงิดมากเลยนะ
ขืนถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปนะ
เธอล้มลุกคลุกคลาน
เธอพังยับเยิน แล้วเธอก็รับเอาความรู้สึก
ที่เธอได้รับในตอนนั้น มาเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเหมือนคนที่ทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้น
สัญญากับฉันสิ ว่าจะไม่เสแสร้งให้ฉันเห็นอีก


วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เเบบประเมินความพึงพอใจ บล็อกTANTIBET

ผู้ชายสุขภาพดี ต้องมีหนวดเครา

  ผู้ชายหลายคนอาจรู้สึกหงุดหงิดกับหนวดเคราของตัวเอง ที่พึ่งโกนไปไม่นาน ก็ดกดำขึ้นมาอีก และรำคาญทุกทีที่ต้องมารู้สึกแสบๆคันๆเวลาต้องกำจัดเส้นขนที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ชายนี้
แต่รู้ไหม!? ว่าหนวดเครานั้น แสดงถึงการมีสุขภาพดี

ตามหลักวิทยาศาสตร์นั้น หนวดเคราของเพศชายเกิดจาก ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งถ้าผู้ชายคนใดมีฮอร์โมนนี้สูง ก็จะยิ่งมีหนวดเครามาก ซึ่งความเครียดและโรคภัยไข้เจ็บนั้นเป็นตัวการทำให้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน หลั่งน้อยลง นี่จึงเป็นสาเหตุที่คนป่วยไม่ต้องโกนหนวดเคราบ่อยๆ

     ดังนั้นหนวดเคราที่ไม่ได้โกนประมาณ 3 วัน ที่พอทำให้ใบหน้าดูมาดเข้มเล็กน้อย ก็จะถือเป็นชายที่ดูมาดแมนสมชาย และสุขภาพดีอีกด้วย

     และบางครั้งการไว้หนวดเคราเล็กๆ อาจเป็นเสน่ห์ให้ผู้หญิงหลงใหลได้นะ แต่จริงๆแล้วก็ต้องเช็คตัวเองด้วยว่ามีใบหน้าเหมาะกับการไว้หนวดเคราไหม ควรโกนให้เกลี้ยงเกลาสะอาดใสรึป่าว
 อ่านบทความนี้เสร็จ ก็เปลี่ยนความคิดที่หงุดหงิดกับการดกดำของหนวดเคราที่เร็วเหลือเกินดูนะ เพราะมันแสดงว่าคุณเป็นผู้ชายสุขภาพดี แล้วรู้ตัวไว้ซะว่าคุณโชคดีแค่ไหนที่ทำให้ผู้ชายบางคนอิจฉาและพยายามหายา หรือตัวช่วยให้ตัวเองหนวดเคราเฟิ้มเฟี้ยวแบบคุณ

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

รวมแฟชั่นมิกซ์ & (ไม่)แมตช์ของวันหนึ่ง I wanna be sup'tar

เราชอบแฟชั่นของยิบโซ หรือ วันหนึ่ง จากเรื่อง I wanna be sup'tar มากๆ อ่า คือนางมิกซ์สีเสื้อผ้าได้เจ็บปวดจริงๆ นี่เห็นชุดนางตั้งแต่ตอนแรกแล้วแบบ โอยยยย หน้าอย่างเราจะแต่งตามได้ไหมนะ 
งั้นมาดูกันดีกว่า ว่าสไตล์วันหนึ่งแต่งยังไง! 


ขอบคุณรูปภาพจาก IG @gyp.so
ภาพส่วนใหญ่ Captured มาจากละครย้อนหลัง ทางเว็บไซต์ Line TV ค่ะ 

สูทแฟชั่น เน้นลาย ที่สำคัญต้องสีสันสดใส กับกระโปรงสุ่มยาว (ผ้าซาติน) สีสันเจ็บปวด

ยังดีที่เสื้อด้านในเป็นเสื้อสีพื้นขาว ><"

รองเท้า Converse Chuck Taylor All Star ข้างละสี (ถูกต้องแล้วแหละ ข้างละสี) -_- นางใส่แล้วดูแนวมากจริมๆ
กระเป๋าเป้ Kanken สีเขียวอ่อน สีน้ำตาล สีดำ สีอื่นๆ นางไม่ใช้ นางใช้สีม่วงจ้าาาา -__-
เป็นคอสตูมที่ถ้าจะแต่งตามนี่ต้องเช็คกันให้ดีๆนะ ว่ามั่นพอไหม 

ต่อให้เป็นเดรสยาว ชุดกระโปรง นางก็ยังสามารถใส่คู่กับรองเท้าคละสีของนางได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ นี่เป็นเซตสีเดียวกัน ทั้งชุดและรองเท้าเลย
อันนี้พร็อบต้องถึง ชุดกล้วยหอมในชุดนอน ที่คาดผมรูปกล้วย และหมอนรูปแครอท ฮ่าๆๆๆๆ

อะ จัดคาดิแกนมาให้ เป็นเสื้อคลุมที่มือใหม่หัดแต่งตัวทุกคนต้องมี!!!! เลือกเอาสีเจ็บๆมาเลย และเดี๋ยวๆๆ เสื้อลาย กับกระโปรงลาย ใครบอกไม่เข้ากัน!? นางแต่งให้ดูเลยจ้าาาา

คลุมโทน สีสันสดใสทั้งตัวจริงๆๆ แม้แต่กล้องที่ถือ ก็ไม่วายเป็นสีฟ้าเหลือง ชุดสีแดง กำไลข้อมือสีเหลือง หมวกสีน้ำเงิน โอยยยยยย ขอคุยกับคอสตูมด่วนนน ฉันอยากแต่งตาม!!!

กล้องเหมือนของเล่นเลยยย "Holga Medium Format Camera" เป็นกล้องที่ผลิตออกมาเพื่อนางจริงๆ สีสันสุดๆๆ

นางลงในไอจีแล้วใส่แคปชั่นว่า "คนหรือเลโก้" อืมมม เราก็แยกไม่ออก ฮ่าๆๆๆ (แซวๆๆ ><) แต่ลุคนี้น่ารักจริงๆ

กระต่ายน้อยยย ฮ่าๆๆ ต่อให้เป็นมาสคอต ก็ยังไม่ทิ้งรองเท้าคละสีของนาง

คาดิแกนสีเหลือง กระเป๋าสีม่วง กระโปรงลายสีแดง และรองเท้าสีเหลืองเขียว เอาเลยจ้ะ แฟชั่นของนางหลุดโลกจริงๆ







กรุงเทพโดนระเบิด


เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ... อย่ากวนตีนลุง


มีตาลุงแต่งตัวธรรมดา งกๆเงิ่นๆ มาที่เค๊าเตอร์ธนาคารและขอเบิกเงิน ตาลุง : ลุงขอเบิกเงิน 2,000 บาทหน่อยสิ พนักงาน : ลุงคะเบิกเงินแค่นี้ ทำไมไม่ไปเบิกที่ตู้ ATM ล่ะคะ ตาลุง : ลุงกดไม่เป็นเลยมาที่เค้าเตอร์น่ะ พนักงาน : ที่เค้าเตอร์เค้าให้เบิกตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไปน่ะค่ะ ตาลุง : งั้น…ลุงขอถอนเงินหมดบัญชีเลยก็แล้วกัน….แล้วก็ยื่นสมุดบัญชีให้พนักงาน แต่เมื่อพนักงานสาวรับสมุดบัญชีไปก็ต้องตกใจ เพราะมีเงินตั้ง 10 ล้าน พนักงาน :คุณลุงคะ…จะถอนเงินทั้งหมดวันนี้ไม่ได้หรอกค่ะ คุณลุงต้องแจ้งล่วงหน้าเพราะเงินมันเยอะน่ะค่ะ ตาลุง : งั้นลุงถอนได้มากสุดเท่าไหร่ล่ะ? พนักงาน : ถอนได้มากสุด 2 ล้านน่ะค่ะ ตาลุง : โอเค…งั้นถอน 2 ล้านให้หน่อยนะ พนักงานทั้งสาขาก็รีบมาอำนวยความสะดวก พาไปนั่งโซฟานุ่มๆ พร้อมเสริฟชา กาแฟเต็มที่ พร้อมทั้งกล่อมให้ยังฝากเงินที่เหลืออีก 8 ล้านต่อไป ผ่านไปซักพัก พนักงานก็นำเงิน 2 ล้านมาให้ลุง พอตาลุงได้รับเงินแล้วก็หยิบเงินไป 2,000 บาท ใส่กระเป๋ากางเกง พร้อมทั้งบอกว่า ตาลุง : ช่วยนับเงินที่เหลือ แล้วเอาเข้าบัญชีลุงเหมือนเดิมด้วยนะ….ขอบคุณ - See more at: http://www.kwamru.com/365#sthash.bFR8WsQB.dpuf

วางเเผนสมัครเรียนรามคำแหงให้จบเร็ว


เนื่องจากผมเป็นศิษย์เก่าราม ที่จบมาแล้วและเกรดดีมากเลยหล่ะ แต่ไม่อยากบอกเดี๋ยวหาว่าโม้ จะขอแชร์ประสบการณ์การเรียนสมัย ผมรหัส 41 มาให้ฟังนะครับ โดยที่จะแชร์นี้เป็นหลักทั่วๆไปสมัยผมอยู่นะครับและพูดถึงภาพรวมๆ ซึ่งขอเน้นย้ำก่อนว่าผมไม่ได้เป็นคนหัวดีอะไรมากมาย แต่ผมขยันและมักชอบวางแผนเท่านั้นเอง
1.วิชาพื้นฐาน (ส่วนใหญ่อยู่ปี 1 และปี 2 บางวิชา) ไม่จำเป็นต้องเข้าเรียน ถ้าคุณมีเวลาจำกัดหรือมีสิ่งสำคัญอื่นๆ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า
2.วิชาพื้นฐานทั้งหลายอย่าซื้อหนังสืออ่าน ให้ซื้อชีทหน้ารามมาอ่าน เพราะว่าจะสรุปไว้ได้รวบรัดดี และมีเนื้อหาเฉพาะเนื้อๆเน้นๆ (เนื้อหาออกสอบ95%) ส่วนหนังสือเนื้อหาครบถ้วนก็จริงแต่น้ำก็เยอะมาก ถ้าอ่านหนังสือจะเสียเวลาโดยใช่เหตุ ยกเว้นว่าเป็นวิชาเอกพื้นฐาน ก็ควรซื้อหนังสือมาอ่านจะดีกว่า เพราะว่าถ้าเราทำความเข้าใจกับมันอย่างถ่องแท้และเรามีพื้นฐานแน่น จะทำให้การเรียนวิชาเอกระดับสูงๆขึ้นไปง่ายขึ้น (เล่นบอลแล้วเบสิคดี ก็จะพัฒนาต่อยอดได้ดีประมาณนั้น)
3.วิชาพื้นฐานเวลาจะสอบ ส่วนใหญ่จะเป็นข้อสอบช๊อย ให้คุณไปหาซื้อข้อสอบเก่าซัก 10 เทอม (ชีทเก่ามือสองหน้ารามมีขายมากมาย ราคาถูกๆ เล่มนึงจะมี 3 เทอม) มานั่งทำดู เชื่อเถอะว่า อย่างน้อย 85%ขึ้นไปข้อสอบจะเวียนอยู่ในนี้นี่แหล่ะ (ที่จริงผมว่า 90%เลยนะ) ส่วนวิชาที่ระดับสูงๆนั้น ถ้าหาข้อสอบเก่าๆมาได้ก็มักจะมีหลักการเดียวกันครับแม้จะเป็นข้อสอบเขียนก็ตาม
4.สิ่งสำคัญอย่างมากที่เด็กรามไม่ได้ทำกัน แต่สำหรับผมมองว่าเป็นสิ่งที่โคตรสำคัญสำหรับการทำเกรดให้ได้ดีๆคือ การเลือกวิชาการลงทะเบียนในแต่ละเทอม  สำหรับผมนั้น ผมจะให้ความสำคัญกับวันสอบของวิชานั้นๆ มากกว่าให้ความสำคัญว่าจะต้องเรียนอะไรเสียอีก เนื่องจากว่า  การลงทะเบียนแล้วมีระยะเวลาวันห่างของวันทีสอบแต่ละวิชามากพอ ก็จะทำให้เรามีเวลาอ่านหนังสือ(ชีท)วิชานั้นๆได้พอ และจะทำเกรดได้ดีนั่นเอง เช่น หากวิชายากๆก็มีระยะเวลาก่อนสอบนานหน่อย แต่ถ้าวิชาไหนง่าย ก็มีวันเว้นก่อนสอบไม่ต้องเยอะก็ได้เป็นต้น
5.จากข้อ 4 วิชาที่ลงทะเบียนเรียนนั้นไม่จำเป็นต้องลงตามคู่มือ (ยกเว้นวิชาที่บังคับให้ลงก่อนลงหลัง) ให้ดูว่าลงเรียนไหนก่อนและหลังแล้วจะมีเวลาอ่านหนังสือ และให้ดูสัดส่วนวิชาง่ายและวิชายากให้มีความสมดุลกัน
6.การลงทะเบียนเรียนกี่วิชาจึงจะเหมาะสม?  อันนี้แล้วแต่เทคนิคแต่ละคน แต่ที่สำคัญจะเปรียบเปรยให้ฟังว่า สมมติคุณมีเวลา 24 ชม. ถ้าคุณลง 8 วิชา  คุณจะใช้เวลา 1วิชา=3 ชม  แต่ถ้าคุณลงแค่ 6 วิชาคุณจะมีเวลา 24/6= 4 ชม  บางคนเห็นลงโคตรเยอะ แต่เวลาที่ทุ่มลงไปในการอ่านหนังสือมันไม่โฟกัสทำให้พากันฉุดทุกวิชาตกระนาว  บางทีถ้าลงน้อยแต่เน้นๆเก็บหมดเกรดดีๆ อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ แต่ถ้าบางคนโคตรขยันไฟแรงก็ลงเยอะก็ได้ แต่ถ้าคนขี้เกียจแบบผม ผมลง6-7 วิชาเองนะ แต่เน้นทุกวิชา
7.วันสุดท้ายในการเรียนการสอนแต่ละวิชานั้นให้ขึ้นเรียนเพราะอาจารย์มักบอกใบ้ข้อสอบ หรืออย่างน้อยก็จะทราบแนวข้อสอบบ้าง
8.การจบ 3ปีครึ่งไม่ใช่เรื่องยากมากมายอะไร ถ้านับกันจริงๆคนที่เรียนอัดสุดๆ ตกก็ซ่อมได้ เรียนจริงๆ 2ปีครึ่งก็จบแล้ว (เคยนั่งนับอยู่)
9.เรียนรามถ้าเรียนแล้วสอบตก ในtranscript ตอนจบนั้นไม่โชว์ประวัติว่าเคยตก และถ้าได้ G เกินครึ่งก็สามารถทำเกียรตินิยมได้ด้วยนะ….นี่บอกเลย (โคตรดีอ่ะ)
10.เรียนรามถ้า รีเกรด, เรียนล่วงหน้าตั้งแต่ ม.ปลาย, เทียบโอนหน่วยกิตมา  ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ได้เกียรตินิยมเพราะมีในระเบียบมหาลัยชัดเจน (เทียบกับข้อ 9 แล้วก็แปลกดี)
11.ยืนยันนอนยันว่า การเรียนรามให้ได้เกรดดีๆ จบเร็วๆ ไม่จำเป็นต้องหัวดีมากมายอะไร เพราะวิชาที่เรียนของราม เท่าที่สังเกตเนื้อหาไม่ได้ลึกและทฤษฎีไม่ได้ยากมากอะไร (เทียบกับเพื่อนสมัยเรียนมาด้วยกันแล้วเรียนสาขาเดียวกันแต่ ม.อื่น) แต่ที่สำคัญคือคุณต้องขยัน มีความรับผิดชอบและมีวินัย
12.ถ้าถามผู้เขียนว่าแล้วทำไมระบบเป็นแบบนี้?   ให้คุณลองนึกดูนะว่า นศ.รามปีแรก มีคนเรียนมหาศาลขนาดไหน พอเค้ามีการสอบวิชาพื้นฐาน (เน้นว่าวิชาพื้นฐาน) 1 วิชา ใน 1 ปีเค้าสอบกันกี่ครั้ง    สอบเทอมหนึ่ง, สอบเทอมสอง, สอบซัมเมอร์, สอบซ่อมเทอมหนึ่ง, สอบซ่อมเทอมสองรวมซัมเมอร์ รวมแล้วปีนึงมีสอบ 5 ครั้ง  ลองนึกดูว่าปีนึงสอบถี่ขนาดนี้ อาจารย์คนไหนจะคิดข้อสอบเทอมละ 100 ข้อได้ทัน หากคุณเป็นอาจารย์ คุณก็ต้องออกข้อสอบแบบนี้ จริงไหม? เพราะไม่รู้จะเอาอะไรมาออกสอบแล้ว ไม่ได้ว่าอาจารย์ไม่ดี แต่สอบบ่อยและ นศ.มหาศาลขนาดนี้ ระบบการจัดการก็ต้องทำให้เหมาะสมกันไป
13.ภาพรวมๆ คนภายนอกที่มอง นศ.ราม กรณีถ้าไปสมัครงานหรือมีคนถามว่าจบจากไหนมา (ไม่นับทำธุรกิจส่วนตัว)
  • -หากจบ 3 ปีครึ่งและเกียรตินิยม= โห…เก่งว่ะโคตรเทพ พร้อมทำท่าทางตื่นเต้น (เค้ามองว่าคนจบรามได้ต้องรับผิดชอบและวินัยสูงโคตร แถมได้เกียรตินิยมอีกนี่ ความเท่ห์นี่ไม่น้อยกว่า ม. top ของไทยเลย)
  • -หากจบ 3 ปีครึ่ง = โหเก่งว่ะ (เค้าจะมองว่าเก่งและรับผิดชอบสูงมีวินัยดีมากๆ เพราะ รามเข้าง่ายออกยาก จบ 3 ปีครึ่งนี่ ทั้งเก่งและรับผิดชอบวินัยดี)
  • -จบ 4 ปี ตามกำหนด = เอ้อ ก็ดีนะ รับผิดชอบดี แต่ถ้าจบสาขาธรรมดามา หรือจบสาขาทั่วๆไป นี่ก็แย่อยู่ดีนะ เค้ามองว่าแค่มีปริญญาติดตัว ต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะ
  • -จบมากกว่า 4 ปี ถ้าไม่ใช่สาขาเชี่ยวชาญเฉพาะ นี่บอกเลยว่า คนทั่วไปมองไม่ดีเอามากๆ ทั้ง ม.ไม่ดังและไม่มีวินัย หัวก็ไม่ดีหรือเปล่าฯลฯ
- See more at: http://www.kwamru.com/60#sthash.MuEPS7FF.dpuf

รักนี้...ดีเเน่

สวัสดีคนมีความรักที่เข้ามาอ่านบทความนี้กัน ก่อนอื่นอยากจะบอกเลยว่าคนที่มีปัญหาในด้านความรักเพราะความห่างไกลเเละกำลังที่ทุกข์ใจอยู่

ครั้งหนึ่ง ณ บ้านของดิฉันมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเขามาเล่นด้วย พวกเราก็กำลังเป็นวัยรุ่นกันเเรกๆ เมื่อเล่นกันไปเล่นกันมาความหวั่นไหวเเละเสน่หาเริ่มเข้ามาสุมในทรวงอกเริ่มรุ้สึกอยากเจอหน้า เเม้เเต่นอนก็ยังฝันถึง เมื่อได้เจอกันอีกครั้ง ณ ที่เดิมเราก็ทั้ง2ก้เหมือนตกอยู่ในภวังค์ลืมตัวไปชั่วขณะ เราทั้ง2มองหน้ากันเเละจู่ๆใบหน้าของเขาก็ใกล้เข้ามาขึ้นทุกทีๆ สายตาทั้ง2ต่างจ้องมองด้วยสายตาที่เสน่หาเป็นอย่างมาก จู่ๆที่ริมฝีปากก็รู้สึกมีสิ่งนิ่มๆเเฉะๆ หวานๆ อยู่ที่ตรงปาก จึงรู้สึกได้ว่านี่คือจูบเเรก...  หลังจากนั้นเราทั้ง2ก็ค้างกันอยู่ท่าเดิมอย่างนานดังไม่รู้สึกว่าเรากำลังจุงพิสกันอยู่ หลังจากนันก็รู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นขึ้นอย่างนิ่มนวลด้วยอ้อมกอดของเขา หลังจากนั้น5วินาที เราทั้ง2ก็รู้สึกตัว เเละก็อึนเเละตกใจกับเหตุการ์ณที่เกิดขึ้น ทั้ง2ต่างไม่กล้ามองหน้ากันเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเขาจะรู้สึกอย่างไร(คงไม่ต่างกัน) หลังจากนั้นเราทั้ง2ก็เเยกย้ายกัน ในคืนนั้นฉันนอนไม่หลับเพราะยังตราตรึงอยู่กับรอยจูบนั้น อีกวันหนึ่งเราทั้ง2ก็กลับมาเจอกันอีกด้วยความดีใจที่ได้เจอฉันเผลอไปกอดเขาอย่างเเน่น(เหมือนไม่ได้เจอกันมาทั้งชาติ)เเต่สิ่งที่ตอบสนองฉันคือ อ้อมกอดที่เเนบเเน่นของเขาก็มอบมาให้ฉันเช่นกัน หลังจากเหตุการณ์นั้น เราต้องสองไม่ได้พูดถึงเเต่เรารู้สึกได้ว่าเราทั้ง2ตกลงปลงใจกันที่จะเป็นคู่รักเพราะการกระทำของเราทั้2คนไม่ว่าจะป้อนน้ำให้กัน กินข้าวด้วยกัน นั่งตักกัน กอดกัน ลูบหัวกัน ให้ตังค์กันไปเที่ยวด้วยกัน เขาทำให้ฉันรู้ว่าความรักมันเป็นอย่างนี้นี่เอง  หลังจากนั้น2เดือน ฉันเเละเขาก็ต้องจากกันเพราะหน้าที่ เราจึงไม่มีเวลาไปหากันอีก มองไปทางไหนก็เห็นเเต่คำว่างานเรียงรายอยู่รอบตัว ทุกวันฉันมักจะเดินผ่าน ณ สถานที่ที่ฉันเเละเขาได้อยู่ด้วยกัน ฉันก็อดไม่หันมองไม่ได้ เพราะในใจมันยังอาลัยอาวรณ์กับเขาคนนั้น ฉันอยากเจอ อยากพูดด้วย อยากทำทุกๆอย่างที่ได้ทำกับเธอ ทุกๆวัน อย่างน้องให้ฉันเห็นเธอทุกวันก็ยังดี เเต่มันเป็นไปไม่ด้เลย นานวันเข้าในใจของฉันก็เหมือนขาดอะไรไปบางอย่างที่ฉันยังไม่สามารถหาคำตอบนั้นได้ เเละจู่ๆก็มีคำถามมาคำถาม1ว่าฉันเเละเขาก็รักกันมานานเเล้วเเต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ฉันยังไม่ได้จากเขาเลยนั้นก็คือ คำว่า''รัก''จากปากของขาเอง ฉันไม่กล้าทักเเชทเขาไป เพราะไม่รู้ว่าเขายังจะต้องการอยู่ไหม และแล้วความกังวลกลัวว่าเขาจะมีคนใหม่ ก็เกิดขึ้นในจิตใจของฉัน ทำให้ฉันทุกข์ใจเป็นอย่างมาก  จนวันหนึ่ง ฉันได้มีโอกาสไปงานวันเกิดพี่ชายโดยที่ไม่มีหวังเลยว่าจะได้เจอเขา(พี่ชายฉันเเละเขาซี้กัน)จู่ๆก็มีชายคนหนึ่งขี่รถมา ด้วยความมืดฉันจึงมองไม่เห็นหน้าเขา เมื่อเขาขี่รถมาในที่ที่มีเเสงสว่างเพียงพอ โอ้พระเจ้า!!!! เธอกลับมาหาฉันเเล้ว เเต่ฉันก็ไม่กล้าไปทักเธออยู่ดี เธอไม่มาทักฉันเลยเช่นกัน เเต่ทุกครั้งที่ฉันเงยหน้าขึ้นฉันยังคงเห็นสายตาของเขามองมาที่ฉันเเละเมื่อรู้ว่าฉันเห็นเขาก็หลบตาฉัน หลังจากนั้นหลายวันๆ ในเฟสบุ๊คของฉันก็มีข้อความๆหนึ่งปรากฏฉันคลิกเข้าไปโดยไม่ได้คิดอะไร โอ้มายก็อด!!!  เขาทักฉันมา เเละฉันก็ทักกลับ เราได้คุยกันในที่สุดเเละทุกๆวัน เเละเราก็ทำอาการที่ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปเราทักไปหากันว่าันนี้ทำอะไร รายงานกันทุกอย่างเหมือนแฟนเลยเน๊อะ55 เเละเราก็ได้มาเจอกันอีกครั้งเมื่อเวลานั้นมาถึงเมื่อเขามา เขาก็หลบตาฉันเช่นเคย ฉันเลยคิดในใจว่าถ้าเป็นอย่างนี้อีกต่อไปก็คงมีเเต่ความขี้ระเเวงกันว่าเขาจะมีคนใหม่ ฉันจึงรวบรวมความกล้สในตัวทั้งหมด เเละเดินไปหาเขาอย่างมั่นใจ เเล้วฉันก็ได้...เข้าไปตบหัวเขาเเล้วพูดว่า...ไม่เจอกันนานเป็นไงบ้างไอร่น้อง...  เขาก็คุยกับฉันเเละความรู้สึกเเบบแฟนกันก็กลับมาครอบงำอีกครั้ง  เเล้วจู่ๆเขาก็จับมือฉันขึ้นไปเเล้วนำเแหวนวงหนึ่งมาใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของฉันเเละกอดฉันเเล้วบอกว่า''ไอร่อ้วน คิดถึงจัง'' ในใจของฉันมีเเต่คำว่า(โอ้พระเจ้า!!  ฉันรักคุณ)
...........(มันมากกว่ารักเกินกว่าคำว่าผูกพัน)

ของกินเพื่อคนนอนดึก ตื่นมาไม่โทรม

ของกินเพื่อคนนอนดึก ตื่นมาไม่โทรม

ของกินเพื่อคนนอนดึก ตื่นมาไม่โทรม


สังคมปัจจุบัน มีคนจำนวนไม่น้อยที่นอนน้อยแล้วต้องตื่นเช้าด้วยเหตุผลต่างๆ นานา การนอนน้อยหรืออดนอนก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพเราร่างกายของเราให้ทรุดโทรมลงไป แต่บางคนมีเหตุจำเป็นที่ต้องนอนดึกแล้วเกิดหิวขึ้นมา
 

เป็นที่รู้กันอยู่ว่า อาหารมื้อดึกเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะช่วงเวลาดึกๆ จะเป็นช่วงที่กระเพาะควรจะทำงานน้อยที่สุด อาหารที่ควรจะรับประทาน ก็ควรเป็นอาหารเบาๆ ย่อยง่าย เพื่อช่วยให้กระเพาะไม่ทำงานหนักจนเกินไป อย่าลืมว่า ถึงแม้เราจะเข้านอนแล้ว แต่กระเพาะของเราไม่ได้หลับไปด้วย มันต้องทำงานอย่างหนัก และเมื่อตื่นเช้าขึ้นมาจะทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สบายตัว หรือมีอาการต่างๆ ได้
      
       เพราะฉะนั้น เราควรจะรู้ว่าอาหารแบบไหนจะช่วยทำให้เรารู้สึกสดชื่นได้ในตอนเช้าในวันที่เรานอนดึก
ผักผลไม้ โดยเฉพาะกล้วย แอปเปิ้ล ฝรั่ง
เพราะในผลไม้เหล่านี้จะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดเพราะมีโครเมียมอยู่และเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย ช่วยให้จิตใจแจ่มใส สดชื่นได้

น้ำหวาน

 เพราะคนที่นอนดึกส่วนใหญ่จะตื่นขึ้นมาแล้วมีอาการปวดหัว มึนศีรษะ รู้สึกเกิดอาการเครียด นั่นก็เพราะว่าร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ อาหารที่มีสามารอาหารของแป้งและน้ำตาลสามารถช่วยได้ โดยเฉพาะน้ำตาลจะดูดซึมได้ดีและง่ายกว่า ดื่มน้ำหวานสักแก้วก็สามารถช่วยบรรเทาอาการเครียดได้


อาหารเบาๆ เช่น นม ขนมปัง
ดื่มน้ำเปล่าบ่อยๆ

 น้ำเปล่ามีส่วนช่วยการทำงานของทุกส่วนในร่างกาย ยิ่งถ้าอยู่ในภาวะร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอก็จะทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ เพราะฉะนั้นเราควรดื่มน้ำเยอะๆให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย นอกจากนี้ น้ำยังช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลได้อีกด้วย

       ถึงแม้ว่าจะรู้วิธีเลือกรักประทานอาหารที่สามารถช่วยให้รู้สึกสดชื่นได้ในวันที่นอนน้อย แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเลือกทำแบบนี้ในทุกๆวัน เพราะสิ่งที่ดีที่สุดในการรักษาสุขภาพร่างกายของเราก็คือการนอนหลับพัก
ผ่อนให้เพื่อพอเพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเอง
       
       เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ ก็ไม่ควรที่จะอดนอนหรือนอนดึก
แหล่งที่มา :